หน้าที่ของแต่ละฝ่าย
ฝ่ายรัฐบาล
- สนับสนุนญัตติ (Support the Motion)
- ให้คำจำกัดความญัตติ (Define the terms in the Motion)
- ตระหนักถึงปัญหาในญัตติ (Recognize the problem in the motion)
- นำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหา (Propose a solution) หรือการเปลี่ยนแปลง
- ในญัตติที่เน้นทางปฏิบัติ ควรนำเสนอมาตรการหรือนโยบาย (Models/Mechanisms/Policies) ที่มีขั้นตอนชัดเจน
- โต้ตอบกับฝ่ายค้านในประเด็นต่างๆ (Engage with the Opposition)
ฝ่ายค้าน
- คัดค้านญัตติ (Oppose the Motion)
- อาจปฏิเสธคำจำกัดความของฝ่ายรัฐบาล (Challenge Government's Definition) ในกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลให้คำจำกัดความที่ไม่ยุติธรรมเท่านั้น
- ตระหนักถึงปัญหา (Recognize the Problem in the Motion)
ในญัตติที่อาจเป็นปัญหาเดียวกันหรือคนละปัญหากับฝ่ายรัฐบาล - คัดค้านการนำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล (Oppose Government’s proposed solution)
- ในญัตติที่เน้นทางปฏิบัติ อาจนำเสนอมาตรการหรือนโยบายที่แตกต่างจากฝ่ายรัฐบาล (Models/Mechanism/Policy) หรือ ยึดสภาพปัจจุบัน (Status Quo)
- โต้ตอบกับฝ่ายรัฐบาลในประเด็นต่างๆ (Engage with Government)
ศัพท์ที่ควรรู้
- ญัตติ (Motion) ญัตติในการโต้วาทีเปรียบเสมือนหัวข้อในการเขียนเรียงความ ญัตติอาจมีได้หลายประเภททั้งรูปแบบที่เน้นหลักการ (Principle Motions) หรือ เน้นการปฏิบัติ (Practical Motions) โดยทั่วไปญัตติจะบอกมาตรการหรือวิธีการขึ้นมา
- คำจำกัดความ (Definition) คำจำกัดความ คือ การให้คำอธิบายคำศัพท์เฉพาะ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายรวมไปถึงคณะกรรมการผู้ตัดสินเข้าใจว่าการโต้วาทีรอบนั้นๆจะมีแกนสำคัญที่จุดใดๆ คำจำกัดความมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหลายๆครั้งศัพท์เฉพาะที่ถูกนำมาใช้ประกอบญัตติล้วนแต่คลุมเครือและไม่เจาะจง เช่น หากดูที่ญัตติที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้น THBT globalization perpetuates social inequity คำศัพท์อย่างเช่น globalization และ social inequity เป็นศัพท์ที่ครอบคลุมเนื้อหาสาระค่อนข้างกว้าง ฉะนั้นฝ่ายรัฐบาลจึงควรจำกัดความทั้งสองคำนี้ลง เพื่อให้ปัญหาและเคสที่ฝ่ายรัฐบาลนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น ฝ่ายค้านสามารถเข้าใจได้และโต้ตอบ (Engage) ได้ ทำให้การโต้วาทีรอบนั้นมีคุณภาพ ไม่ใช่ขาดความเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย จนทำให้พูดกันไปคนละเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
- ปัญหาในญัตติ (Problem of the debate) ทุกๆ ญัตติจะต้องมีปัญหาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดๆ หรือ ต้องการมาตรการหรือไม่ก็ตาม ฉะนั้นแล้วการหาปัญหาในญัตติจึงถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่นักโต้วาทีทุกคนไม่ควรละเลย โดยญัตติหนึ่งๆอาจมีปัญหามากกว่าหนึ่งปัญหา สิ่งที่สำคัญคือการขั้นตอนในการหาปัญหาที่มีอยู่ในญัตติ โดยอาจทำได้ผ่านการหาความขัดแย้งในตัวการ (Actors) ที่เกี่ยวข้องกับญัตตินั้นๆ หรือ อาจทำได้โดยการวิเคราะห์ถึงความเป็นไปในสถานการณ์ปัจจุบัน (Status Quo) เป็นต้น
- มาตรการหรือวิธีการ (Model/Mechanism) มาตรการหรือวิธีการแก้ไขปัญหา คือ ขั้นตอนที่อธิบายชัดเจนถึงการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ในญัตติที่ฝ่ายนั้นๆนำเสนอ โดยมาตรการที่ดีควรจะต้องมีระบบตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ (Checks and Balances) เพื่อให้มาตรการดำเนินไปได้ อาจจะเป็นบุคคลที่สามที่เป็นกลางและความน่าเชื่อถือ เช่น องค์กรสหประชาชาติ เป็นต้น ถึงกระนั้นแล้วมาตรการและวิธีการแก้ไขปัญหานั้นอาจจะไม่จำเป็นสำหรับทุกญัตติ
- การโต้ตอบ (Engagement) การโต้ตอบเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการโต้วาทีทุกๆครั้ง ที่หลายๆครั้งนักโต้วาทีมักละเลย การโต้ตอบ เปรียบเสมือนการไปตีเคสของอีกฝ่าย คือสิ่งที่ชี้ให้กรรมการเห็นถึงข้อผิดพลาดและความไม่สมเหตุสมผลของเคสอีกฝ่าย หลายๆครั้งผู้โต้วาทีจะเทความสนใจไปกับการสร้างเคสของฝ่ายตนเอง จนลืมที่จะตอบโต้กับอีกฝ่าย จนกลายเป็นการโต้วาทีคู่ขนาน (Parallel Debate) ที่ต่างฝ่ายต่างพูดในปัญหาที่ตนเองได้เจอ และ วิธีการแก้ปัญหาของฝ่ายตนเอง ไม่ได้โต้กันอย่างแท้จริง ทำให้กรรมการไม่สามารถให้ฝ่ายใดชนะอย่างชัดเจนได้ มีหลากหลายวิธีที่ฝ่ายหนึ่งๆจะสามารถโต้ตอบกับอีกฝ่าย โดยอาจทำได้ผ่านการสร้างข้อโต้แย้ง (Rebuttals) ที่จะไปโต้กับประเด็น (Arguments) ของอีกฝ่ายโดยตรง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ประเด็นเชิงลบ (Negative Arguments) ซึ่งเป็นประเด็นที่พูดถึงผลเสียของอีกฝ่ายอย่างเดียว ไม่พูดถึงผลดีของฝ่ายตนเอง หรือ การวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ (Comparative Analysis) ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบให้ผู้ฟังเห็นว่าเคสของฝ่ายใดดีกว่ากัน เพื่อโต้ตอบได้อีกด้วย